2 บทความเกี่ยวกับทุนที่ผ่านมา ผมได้กล่าวถึง 3 ทุนที่ควรมีในตัวเรา คือ ทุนความดี ทุนเวลา และทุนความพยายาม (ทุน 7 ประการ ตอนที่ 1) และผมยังกล่าวถึง 3 ทุนต้องแสวง คือ ทุนความรู้ ทุนปัญญา และทุนนวัตกรรม (ทุน 7 ประการ ตอนที่ 2)รวมทั้งหมด 6 ทุน วันนี้ ผมจะกล่าวถึงทุนตัวสุดท้าย ซึ่งผมเลือกมาอยู่ต่างหากบทเดียวเนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างเยอะครับ ทุนสุดท้ายนี้ คือ ทุน (ให้) สังคม ครับ
อ่านจากชื่อ ไม่น่าเป็นทุนได้เลยนะครับ แต่ตรงนี้ล่ะครับที่สำคัญ ทุนนี้ตอนผมได้ยินมา คือ คำว่า ทุนสังคม หรือ การสร้างช่องทางเพื่อให้ทุนเพิ่มขึ้น (channel) ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมค่อนข้างเห็นแย้ง เพราะรู้สึกเป็นธุรกิจมากจนเกินไป แต่ผมเข้าใจดีเพราะผู้ที่บอกผมเรื่องนี้เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูง ความหมายของทุนของเขาจึงเป็นเชิงธุรกิจมากกว่า หลังจากคุยวันนั้นผมก็กลับมาคิดและตั้งคำถามว่า จริงๆ แล้วทุนสังคมในมิติหรือมุมมองของผมล่ะเป็นอย่างไร?
สิ่งสำคัญที่ทำให้สังคมไทยยังดำรงอยู่ได้ แม้จะประสบปัญหาต่างๆ อย่างใหญ่หลวง นั่นก็เพราะ คนไทยยัง ให้ กันอยู่ ถึงแม้ว่ายามปกติ คนไทยเองจะไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไหร่ 555... แต่เมื่อถึงเวลาที่ประเทศประสบเหตุการณ์อันเป็นภัย หรือ มีเหตุการณ์ที่ต้องการการให้ ต้องการความร่วมมือร่วมใจ คนไทยเกือบทั้งหมดต่างออกมามีส่วนร่วม จะมากบ้างน้อยบ้างก็เต็มใจช่วย อย่างล่าสุด เหตุการณ์น้ำท่วมที่อีสาน โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี ก็เป็นเหตุการณ์ที่ได้เห็นการร่วมมือร่วมใจที่จะให้ จะช่วยเหลือของคนไทยครับ.... อารัมบถมากไปหน่อย ขอเข้าประเด็นเลยล่ะกันครับ
ทุนให้สังคม ซึ่งผมให้เป็นทุนสุดท้าย เพราะมีความหมายครับ
3 ทุนแรก อันได้แก่ ทุนความดี ทุนเวลา และทุนความพยายาม เป็นสิ่งที่ต้องสร้างให้มีในจิตใจ สำหรับ 3 ทุนถัดมา อันได้แก่ ทุนความรู้ ทุนปัญญา และทุนนวัตกรรม เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยทุน 3 อย่างต้นไปแสวงหา ไปสร้างขึ้นมา จนเป็น 6 ทุนภายใน-ภายนอกของตัวเรา เมื่อทุนครบ 6 แล้วให้เรานำสิ่งที่มีนี้ไปสร้างประโยชน์สุขกับผู้อื่นและส่วนรวมต่อ เป็นการสร้างทุนตัวสุดท้าย อ่านๆ ดูอาจคิดว่าเป็นอุดมคติใช่มั้ยครับ.... แต่ไม่ใช่หรอกครับ
เพราะการสร้างการให้แบบไม่มีเงื่อนไข หรือ ทานบารมีนั้น ถูกเข้าใจผิดว่า ต้องเป็นการให้สิ่งของ ให้เงินทอง ทั้งๆ ที่การให้ เริ่มง่ายที่สุด คือ ให้จากตัวเรานี่ล่ะครับ....
ผมเป็นคนชอบดูวีดิโอการบรรยายของ อาจารย์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุลมาก แม้จะพูดเรื่องซ้ำๆ ผมยังไม่เปลี่ยนความชอบ เพราะการฟังในหลายๆ เวลา แม้จะเรื่องเดิมๆ แต่ความคิดของเรามีทัศนะที่ต่างกันไป และที่สำคัญ คือ ท่านอาจารย์สุเมธ ได้พูดถึงการทรงงานของในหลวง ร.9 และแนววิธีปฏิบัติ ซึ่งผมได้ค่อยๆ นำมาใช้ปฏิบัติและเห็นผลจริงในหลายๆ เรื่อง เรื่องการ ให้ ก็เช่นเดียวกัน คำว่า คนไทยยังให้กันอยู่ เป็นคำพูดที่ได้รับฟังมาจากท่านอาจารย์สุเมธผ่านวีดิโอ ซึ่งอาจารย์บอกว่า ฟังมาจากในหลวง ซึงผมเชื่อเลยว่าถูกแน่ๆ ทั้งๆ ที่ไม่ต้องมีวิทยาศาสตร์หรือศาสตร์อื่นใดมาอธิบายความเชื่อของผมครับ
จะให้มีหลักการบ้างก็ไม่ผิด ผมอยากให้พิจารณาง่ายๆ ครับว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นภัยทุกครั้ง ทำไมประเทศไทยจึงผ่านมาได้ ใช่ต่างคนต่างร่วมใจที่ให้กันลงมาหรือไม่ ตรงนี้ให้ลองคิดและให้คำตอบดูครับ
อาจารย์สุเมธ ท่านบอกกล่าวโดยวิธีการง่ายๆ ครับว่า การให้ที่เราไม่ได้เสียอะไรเลย คือ การให้รอยยิ้ม ซึ่งเราไม่ได้เสียอะไรเลย แถมยังได้รอยยิ้ม และความเป็นมิตรกลับมา ให้ 1 กลับมา 2 ซึ่งเป็นกำไรนะครับ แม้ว่ากำไรตรงนี้ไม่ใช่เงิน แต่มันสร้างความสุขใจขึ้นมาเป็นกำไรที่ 3 ครับ
การให้อีกอย่างหนึ่งซึ่งผมได้กระทำแล้วไม่เคยขาดทุนเลย คือ การให้ความรู้ครับ ในฐานะผู้รักษา ผมให้ความรู้กับผู้ป่วยและญาติ ในฐานะอาจารย์ผู้ควบคุมการฝึกปฏิบัติงานทางคลินิก ผมให้ความรู้กับนักศึกษา ตรงจุดนี้ เมื่อผมให้ความรู้ในสิ่งที่ผมรู้ไป ความรู้ผมไม่ได้หายไป กลับยิ่งเฉียบคมขึ้น ทั้งนี้เพราะ ผมได้ทบทวนสื่งที่ผมรู้มากขึ้น ได้กลับไปหาข้อมูลมากขึ้น และได้แชร์ความรู้มากขึ้น โดยเฉพาะการสอนนักศึกษา ผมมักจะสอนและถามกลับว่า ณ ตอนนี้ที่นักศึกษาเรียน มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ผมเรียนสมัยก่อน มีอะไรที่พัฒนาขึ้น มีอะไรที่ทำให้การคิดวิเคราะห์ การรักษาที่ก้าวไปข้างหน้าอีก เมื่อผมให้ความรู้ นักศึกษาได้ความรู้ นักศึกษาแชร์ความรู้ใหม่ๆ กลับมา ถามว่า ผมจะความรู้ลดลงหรือไม่.... คำตอบ คือ ไม่ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นครับ
จะเห็นได้ว่า ทุนให้สังคม ที่ผมยกมาในบทความนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย สามารถใช้สิ่งที่มีของเรา ใช้ทุนชีวิตของเรา ให้ กับผู้อื่น ให้กับสังคมได้ครับ
จบไปแล้วครับ สำหรับ ทุน 7 ประการที่ไม่ใช่เงิน ในทัศนคติของผม อาจมีคำบางคำ สำนวนบางสำนวน ที่อาจพาดพิงใคร กระทบความรู้สึกใครก็ตาม ขอให้ ให้อภัย ในความไม่ระวัง ในความรู้น้อยของผมด้วยครับ และถ้าคิดว่า ทุนทั้ง 7 ที่ผมว่าไปมีประโยชน์ ขอให้ลองนำไปใช้ ไมได้หวงครับ ไปใช้ได้เลย และเผื่อกับคนรอบข้างที่คุณรักด้วยครับ ไว้มีโอกาส ผมจะเขียนเรื่องแนวๆ นี้ให้ได้อ่านอีกครับ....
ขอบคุณครับ
อนุชัย
เครดิตภาพ จาก
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9620000034073